ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเจ้า chapter 2



คาเลียลูบคาง ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

"แต่....เขาก็เป็นพ่อเด็กนะ บอกดีมั้ย?"

รอยย่นปรากฏระหว่างคิ้วของเธอ

ไซม่อนเป็นจอมเวทและดยุกแห่งจักรวรรดิ

ชนชั้นสูงอย่างเขาจะ...ไม่สิ ครอบครัวเขาจะยอมรับลูกนอกสมรสงั้นเหรอ?

ไซม่อนไม่ใช่คนที่คลั่งพิธีรีตองแบบขุนนางอะไรหรอก

เธอที่เติบโตมากับเขารู้เรื่องนั้นดี

แต่สิ่งที่กวนใจคาเลียคืออาการของพวกขุนนางนั่นต่างหาก

รอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรคือกระจกเย็นเฉียบที่แบ่งแยกคนอื่นจากเขา

พวกเขาจะยอมให้ลูกนอกสมรสเป็นทายาทเพียงคนเดียวของดยุคเหรอ?

ลูกในท้องของคาเลียผู้ดิ้นรนต่อสู้

'.....ไซม่อน.....ความภักดี......เป็นไปไม่ได้หรอกคาเลีย'

เสียงเล็กๆ ในใจทำให้เธอเงยหน้าขึ้น

"ไม่ ไม่มีทาง"

......ไม่ได้หรอก

เธอไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่แต่มีบางอย่างขัดแย้งอย่างรุนแรงในใจของเธอ

คาเลียพึมพำอย่างเป็นกังวลบนที่นั่ง

ครอบครัวของไซม่อนน่ะเป็นปัญหาก็จริง แต่หลักๆ แล้วต้องคิดถึงปฏิกิริยาของเขา

เขาชอบเด็กรึปล่าวนะ?

เธอส่ายหัวเป็นการตอบคำถาม

เขาเกลียดมนุษย์ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับเด็กทารก

".....อย่าบอกนะว่าไซม่อนจะให้เอาออก"

เธอเต็มใจที่จะเป็นแม่คน และนำพาความสุขกลับคืนสู่ใบโลกนี้ แต่ไซม่อนไม่ใช่

เขาอาจจะดีใจก็ได้

เธอคิดว่าลูกจะนำมาซึ่งความสุขและความยินดี

'ข้าจะไม่เรียกร้องความรับผิดชอบหรือยัดเยียดความเป็นพ่อให้เขา เด็กจะได้ไม่ถูกเกลียดตั้งแต่เกิด'

เธอมั่งคั่งจากบำเหน็จตอบแทนในสงคราม ทั้งยังมีพละกำลังปกป้องลูกน้อย

อนาคตนั้นไม่แน่นอนแต่มั่นคงพอที่จะปฏิญาณความรักอันเต็มเปี่ยมที่มีต่อลูกของเธอ

ใช่แล้ว เธอไม่จำเป็นต้องบังคับไซม่อนให้แต่งงานเป็นพ่อของเด็ก

'......แต่งกับไซม่อน!'

ตรงข้ามกัน แปลกมากที่ร่างของเธอสั่นเครือ

ในสนามรบ ทั้งสองเป็นเพื่อนตายและเป็นพี่น้องกันมาตั้งแต่เด็ก แล้วก็ยังเป็นเพื่อนดื่มบ้างนานๆ ครั้ง เพื่อนที่ดื่มและพูดคุยด้วยกันทั้งคืน

'นั่นแหละ....'

แต่ถึงเธอจะบอกว่าไม่มีความโลภหรือความต้องการอะไรจากเขา เขาก็คงไม่พอใจกับการมีอยู่ของเด็กคนนี้

มันคงมากพอแล้วสำหรับตำแหน่งที่สูงส่งและภาระความรับผิดชอบอันหนักอึ้งบนบ่าทั้งสองข้างของเขา

'อีกอย่าง ล่าสุดที่เจอกัน ไซม่อนก็เผลอพูดเกี่ยวกับแผนการแต่งงานเร็วๆ นี้ด้วย ถ้าเขาคิดจะแต่งงานก็คงมีผู้หญิงในใจอยู่สักพักแล้วล่ะนะ'

นี่ยิ่งแล้วใหญ่กับความคิดจะไปขู่เข็ญไซม่อนที่กำลังจะแต่งงาน

คงจะขัดชีวิตคู่ของพวกเขาเปล่าๆ

".....งั้น ข้าคงจะไม่บอกไซม่อน"

คาเลียทำหน้าบู้บี้พร้อมลูบหน้าท้องเหมือนเป็นโล่กำบังให้ลูก

เธอไม่อยากให้ลูกของเธอเป็นตัวปัญหา

ถ้ามาบอกให้เอาเด็กออกไปด้วยความคิดหรือสีหน้าไม่พอใจของไซม่อนจริงๆ นั้น......

'ตัดเขาออกเป็นกี่ส่วนดีนะ?'

มันคงยากที่จะเอาชนะไซม่อนผู้ปราดเปรื่องและมีพลังเวทที่ทรงพลัง แต่ถ้าเตรียมตัวมานานพอ ก็ทำทีละสเต็ปได้....

เมื่อเธอคิดวิธีฆ่าเขาอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เธอก็ต้องส่ายหัว

สัญชาติญาณในการปกป้องลูกของเธอเริ่มไม่สมเหตุสมผล

แค่คิดว่า 'เขาอาจบังคับให้เอาเด็กออก' เธอก็ไม่รู้จะใช้ชีวิตต่อจากนั้นยังไงแล้ว

นั่นคือเพื่อน พี่น้อง และสหายร่วมรบในคนๆ เดียว

ถ้าเธอทิ้งทุกอย่างไว้แบบนี้ก็คงจะยุ่งเหยิงพอกัน

'ข้าต้องดูแลลูกน้อยให้ปลอดภัยและแก้ปัญหาไซม่อนให้จบลงด้วยดี'

คาเลียคิดและกังวลอย่างไม่รู้จบ

หลังกังวลมาพอแล้ว เธอก็มองขึ้นไปด้วยใบหน้าที่แน่วแน่ กระทั่งแสงอาทิตย์นอกหน้าต่างแปรเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอันพัน

"เหลือทางเดียวเท่านั้น"

เธอยืนตรงหน้าเครื่องแบบสีแดงที่ถูกแขวนอย่างเรียบร้อย

เธอลูบไล้มันแล้วพึมพำเบาๆ

"ข้าว่าถึงเวลาถอนตัวแล้วล่ะ"

เป็นสัมผัสแห่งความผูกพัน แต่ก็ไม่มีอะไรที่ต้องการอีกแล้ว


--------------------------------------------------



ในจักรวรรดิโรฮัส คาเลีย แทคสเก็ท คือตำนานที่ยังมีชีวิต

จุดเริิ่มต้นเล็กๆ ใน 6 ขวบอันไร้เดียงสาที่ได้ช่วยเหลือลูกชายดยุกที่ถูกลักพาตัวโดยแก็งข้างถนน

เธอผ่านการทดสอบตำแหน่งอัศวินอย่างเป็นทางการขณะอายุ 15 ปีด้วยคะแนนสูงสุด และด้วยวัยเพียง 17 ปี เธอดั้นด้นฝึกฝนเป็นยอดนักดาบ

ความสามารถขณะอายุได้ 19 ปีของเธอเป็นที่โจษจันเกือบเข้าขั้นยอดฝีมือ และเธอได้รับหน้าที่ให้การคุ้มครององค์ชายรัชทายาท

คาเลีย แทคสเก็ท ถือเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง ไม่มีใครสามารถเอาชนะเธอได้แม้จะมีรูปร่างที่ใหญ่กว่าก็ตาม

เธอคือคนเก่งหาตัวจับยากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในหลายชั่วอายุคน

แม้แต่เธอยังฉงนในตัวตนของเธอเอง

เธอกำและแบฝ่ามือของตัวเองอย่างเป็นนิสัย ยากที่จะหาว่าตรงไหนเคยเป็นรอยแผล

เธอคิดว่าคงไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ก็ฉายแววความกังวลอยู่ในใจ

ร่างของคาเลียยืนสง่าหน้ากระจก เธอค่อยๆ กวาดสายตามองเครื่องแบบที่พอดีตัวกับเธออย่างประณีต แต่กระนั้นก็ยังดูสะโอดสะอง

มันเป็นของล้ำค่าของเธอที่ไซม่อน จอมเวทย์ที่รักยิ่งของจักรวรรดิ ตัดมันขึ้นด้วยตัวเขาเอง

คาเลียคิดกระดุมแต่ละเม็ดอย่างบรรจง ก่อนมองกระดุมเหล่านั้นที่ปลายนิ้วด้วยมุมมองที่แตกต่างออกไป

มันไม่ได้ถูกเคลือบด้วยสีทอง แต่มันคือกระดุมที่ทำจากทองอยู่แล้วทั้งเม็ด

ทำไมเขาถึงเอาทองมาทำกระดุมอย่างไร้ประโยชน์แบบนี้?



'ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าทองคำบริสุทธิ์ทำให้ใช้เวทย์เก็บรักษาได้ง่ายขึ้น? เมื่อไหร่สมองจะเป็นชิ้นเป็นอันเหมือนกล้ามเนื้อของเจ้าบ้างนะคาเลีย? นี่ครั้งที่สามสิบแล้ว เอ๊ะ ทำไมจำไม่ได้สักที? .....อ่า! ล้อกันเล่นรึปล่าว?'



'.....อ่าใช่ ทำยังกับข้าเป็นคนโง่'

เสียงของไซม่อนมาพร้อมกับภาพรอยยิ้มเหยียดหยาม

ไม่เข้าใจเลยว่าข้าไปนอนกับเพื่อนอย่างเขาได้ยังไง

แล้วก็เด็กในท้อง

'นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย'

คาเลียยิ้มใจลอยและพิศมองเครื่องแบบตัวเองในกระจก

เสื้อส่วนบนรัดช่วงเอว ผ้าคลุมสีแดงเด่นชัด และกางเกงหนังสีดำแนบขา

ทุกอย่างล้วนไม่มีที่ติ

คาเลียหันมองท้องฟ้านอกหน้าต่างแล้วใช้มือปัดผ้าคลุม

ท้องฟ้าในตอนบ่ายร่มเย็นจนมีคำว่า 'สมบูรณ์แบบ' เข้ามาในใจของเธอ

'เงียบสงบดีจัง'

อืม บางทีเมื่อสงคราม 7 ปีสิ้นสุดลง และทุกอย่างก็กลับสู่ความสงบ คงจะถึงเวลาที่ 'วีรสตรีสงคราม' จะหายไปสักที

คาเลียออกจากห้องด้วยรอยยิ้มพึงใจ


--------------------------------------------------


แตะ แตะ

'ฮัมมิ่ง' คาเลียได้ยินเสียงฝีเท้าจากชั้นบน เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเจ้าของเสียงคือใคร เธอก็เด้งตัวอย่างรวดเร็ว

และเป็นอย่างที่คิดไว้ เป็นฮัมมิ่งที่เดินลงบันไดมาจากชั้นบน

เขาเยื้องย่างอย่างไม่รีบร้อน แต่ละก้าวเต็มไปด้วยความรู้สึกเหมือนสัตว์ป่า

เมื่อมองเข้าไปนัยน์ตาสีน้ำตาลของฮัมมิ่ง ก็มักจะเห็นถึงแววตาส่องประกายความริษยา

'คุณพระช่วย! ท่านใส่เครื่องแบบงั้นรึ?'

ผู้บัญชาการอัศวินหน่วยราชสีห์สีชาด!

จวนเจียนจะปีหนึ่งแล้วตั้งแต่สงครามได้สิ้นสุดลง

หลังจากการประกาศจบสงคราม คาเลียก็ไม่ค่อยออกไปข้างนอกในชุดเครื่องแบบเลย

เจ็ดเดือนครั้งได้ล่ะมั้งตั้งแต่ฮัมมิ่งมาเป็นผู้รับใช้ของเธอ***

ฮัมมิ่งมองคาเลียอย่างละสายตาไม่ได้ เธอในชุดเครื่องแบบกำลังย่างกรายลงจากบนบันไดเวียนอย่างสงบนิ่ง

สีแดงระเรื่อแต่งแต้มแก้มนวลเนียนราวกับน้ำนม

'บ้าไปแล้ว รูปร่างที่ดูดีที่สุดในโลกนี้....'

ขาเรียวยาวเหยียดออกอย่างสง่าเผย กล้ามเนื้อที่แบนราบดูมั่นคงแข็งแรง มีเสน่ห์ภูมิฐานน่าดึงดูดไม่ว่าจะใส่เสื้อผ้าแบบไหนก็ตาม

ไซเรนแห่งท้องทะเลผู้มีผมสีทองสว่าง ผิวขาวบริสุทธิ์ และริมฝีปากสีแดง

เป็นไปได้มั้ยที่จะสาธยายความแข็งแกร่งของทหารและรัศมีหวานฉ่ำชวนให้ผู้คนหิวโหย

'........แต่ที่สุดก็คงจะเป็นตอนถืบดาบ ดูจริงจังมาก!'

ในขณะเดียวกันเธอก็เป็นแค่นักรบธรรมดา

ด้วยการกวัดแกว่งที่ไม่มีพลาด ท่วงท่าที่ปราณีตและสมบูรณ์แบบ การเคลื่อนไหวที่แม่นยำและรวดเร็วจนมองไม่ทัน

เทพธิดาสงคราม เทพปีศาจแสนสวยในร่างมนุษย์

'ถ้าในรูปข้าดูหล่อแบบนั้นก็ดีสิ คงได้แต่ขอพรเท่านั้นสินะ.....'

สิ่งที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือชุดเครื่องแบบซึ่งถูกออกแบบโดยไซม่อน เทอร์รอน จอมเวทและดยุกแห่งโรฮัส ชุดนั่น 'สวยมาก' กว่าชุดที่ใส่เพื่อยั่วยวนจนตาลายในงานเลี้ยงเสียอีก

มันโดดเด่นขึ้นมาเสมอ

เหมือนเหล้ารัมจากชายที่รู้จักเสน่ห์และเอกลักษณ์ของคาเลีย ราวกับคิดมาอย่างถี่ถ้วนว่าอะไรเหมาะกับเธอ

ฮัมมิ่งเฉลียวใจได้ว่าความรู้สึกที่ไซม่อนมีต่อคาเลียนั้นเป็นอย่างไร แต่เจ้าตัวนั่นแหละที่ไม่ประสีประสา

ก็เป็นเธอซะเองที่ไม่มีไหวพริบเอาซะเลย

ฮัมมิ่งที่เข้าข้างคาเลียเป็นอย่างมากคิดยุบยิบในใจ

เอาเข้าจริง เขาไม่กล้าเข้าไปก้าวก่ายระหว่างจอมเวทผู้ยิ่งใหญ่และวีรสตรีแห่งสงครามเลย

ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากยุ่งหรือเคารพคาเลียมาก แต่เพราะดยุกแห่งโรฮัสไม่เกี่ยวอะไรกันกับเขาสักนิดต่างหาก

เมื่อคาเลียก้าวถึงพื้นห้อง ฮัมมิ่งก็วิ่งเข้ามาพูด

"ท่านเสนาบดีจะออกไปแล้วเหรอขอรับ? ท่านน่าจะบอกข้า ข้าจะได้เตรียมตัวมาก่อน แต่ไม่เป็นไรขอรับ ข้าพร้อมจะไปกับท่านเสมอ"

คาเลียคิดว่าเขาเป็นนกกระจอกในตอนนั้นเอง

ฮัมมิ่งผิวปาก

เป็นเสียงดังแต่ก็ไม่ได้น่ารำคาญ

มันก็ดีนะถ้าจะฟังตอนกำลังเบื่อ

คาเลียมองไปยังฮัมมิ่งที่ทำตัวน่ารักแล้วพูดขณะมีลมอ่อนๆ โชยมาปะทะกับผมของเธอ

"ข้าอยากออกไปคนเดียว เจ้าอยู่นี่เถอะ"

ร้ายกาจ!

ตอนนั้นเอง หน้าของเขาก็แดงฉ่าขึ้นมาในทันที

ฮัมมิ่งที่หน้าร้อนอย่างช่วยไม่ได้ก้มหน้างุดหัวแล้วโค้งลงด้วยความเขินอาย



TBC--------------------------------------------------

สรุปมาค่ำ555 เอาจิงนะ คาเลียถือว่าโหดมากถ้าเทียบกับยุคกลางจริงๆ อายุ 15 ปกติยังเป็น squire อยู่เลย นี่เป็น knight ละ จากที่เราเรียนมา knight จะ 21 มั้ง พูดแบบบ้านๆ คือนางข้ามชั้นมาก ไม่ใช่ด้วยสมองแต่ด้วยร่างกาย เราว่านางไม่ใช่คนละ พ่อแม่นางน่าจะมีเชื้ออะไรสักอย่าง
เรายังหาสปอยอ่านไม่ได้5555 ติ๊ต่างไปงั้น ☼

*****ฮัมมิ่ง ผู้รับใช้ของคาเลีย คือ squire ที่เราพูดถึงข้างบนนะคะ คล้ายๆ เทรนนี่ก่อนเดบิวท์ค่ะ มันไม่มีคำไทย แต่ผู้รับใช้ก็ดูเหมือนคนใช้ในบ้านไป squire จะทำตามคำสั่งของขุนนางในสังกัดค่ะ เราจำไม่ได้ว่าแนวๆ ขัดดาบล้างคอกม้าเป็น squire หรือ page เรียนมานานแล้ว แต่ก่อนเป็นอัศวินก็ได้ตำแหน่งนี้มาก่อนทุกคนค่ะ

ปล. ฮัมมิ่งลูกแมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม่ T///T



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเจ้า chapter 6 [xx%]

'ได้ไง?' คาเลียคิดอย่างล่องลอย มองผ่านหน้าต่างไปยังร่างของไซม่อน 'ลูกของไซม่อนในท้องของข้า' เอาแบบจริงจังนะ มันเกิดขึ้นได้ไง? วันนั้น? '.....เมาเหรอ?' ไม่ ไม่ใช่เพราะแอลกอฮอล์เลย มีวันอื่นอีกตั้งหลายวันที่เราทั้งคู่ดื่มด้วยกัน.... 'ถ้างั้น เพราะหนังสือของเดเร็ค?' พอคิดดังนั้น เธอยิ้มขำแล้วส่ายหัวเบาๆ เธอเป็นยอดนักดาบ แต่กลับไปโทษหนังสือธรรมดาๆ ข้ออ้างโง่เง่าซะจริง ไม่ใช่เพราะแอลกอฮอล์หรือหนังสือหรอก มันอยู่ที่ตัวของเธอเอง คาเลียในวันนั้น "....ข้าจะโทษเจ้าแล้วกันนะ" คาเลียก็ทำหน้าเจื่อนๆ เล็กน้อย เธอถูมือกับหน้าผากแล้วนึกย้อนกลับไป -------------------------------------------------- มันเป็นวันที่มีงานเลี้ยงฉลองชัยชนะ เจ็ดปีที่ผ่านมา จักรวรรดิสู้รบในศึกสงครามเหลือคณานับและได้รับชัยชนะมามากมาย บทบาทของคาเลียในประวัติศาตร์ชัยชนะเป็นที่โอฬาร และเพราะเธอ จักรวรรดิได้เข้าสู่จุดมั่นคง การรบที่ทาฮาริก็เช่นกัน มันเกิดขึ้นเพราะกลุ่มโจรสลัดต่างถิ่นที่โง่เขลาบุกปล้นบนเกาะขอ

ถ้าทำให้พี่ชายของฉันเชื่องมากไปแล้วล่ะก็!

ploysira : แหมๆ ดูจะเป็นแค่หมีสินะ ทรราชย์อะไรกัน555

เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเจ้า chapter 5

"ฝ่าบาท เสนาบดีคาเลียพะยะค่ะ" เสียงขององครักษ์ดังสั่นประตู แม้ว่าเธอไม่ได้กระตุ้นโสตประสาทมาก แต่หูที่ไวของเธอก็รับได้ถึงการเคลื่อนไหวของเจ้าชายรัชทายาท '......ท่านต้องอยู่ตรงนั้นแน่ๆ' เธอได้ยินเสียงเก้าอี้ ไม่นานนักก็มีเสียงคนดิ่งลงไป หลังจากนั้นก็เหลือเพียงความเงียบ ในความนิ่งงันนั้น คาเลียผายอกยกมือทำความเคารพ เธอหายใจเข้าเต็มปอด เธอไม่ได้กังวล แต่วันนี้มันต่างออกไปเมื่อเทียบกับวันอื่นๆ การเกษียณ ถึงที่ผ่านมาจะไม่นานมากแต่เธอก็ได้กลายเป็นอัศวินและต่อสู้เพื่อชีวิตของเธอ กี่ครั้งแล้วที่เธอกระโดดเข้าไปในความอันตรายในฐานะที่เป็นองครักษ์ของเจ้าชายก่อนที่สงครามจะเกิดขึ้น? ตอนนั้นเธอยังเด็กนัก เธอไม่ได้เหนื่อยล้า แต่ถ้าจำเป็นก็จะวางมือ ที่นี่ไม่ต้องมีทหารเช่นเธออีกแล้ว จริงๆ แบบนี้ก็ทำให้คาเลียเบาใจลงมาก เธอถือดาบเพราะมีบางอย่างที่ต้องปกป้อง แต่เลือดที่หลั่งรินเพื่อให้ได้มาซึ่งการนั้นไม่ใช่แค่ของเธอผู้เดียว 'ช่วงเวลาโหดร้ายที่เราต้องห้ำหั่นผู้อื่นในนามของสงคราม น้ำตา เสียงกรีดร้อง และสายตาเคียดแค้น&#