"ขอรับ เข้าใจแล้ว"
ความเหนียมอายออกมาจากน้ำเสียงของเขา
คาเลียเป็นคนเอาใจใส่คนที่อยู่ในความดูแลมาก
การลูบหัวหรือตบไหล่เบาๆ เป็นการแสดงความรักและความเชื่อใจของเธอ
เมื่อไหร่ก็ตามที่มันเกิดขึ้น คนที่สับสนงุนงงก็มักจะเขินอายจนหน้าขึ้นสี ส่วนคาเลียที่เซนส์เรื่องนี้เป็นศูนย์ก็จะไม่รู้เรื่องอะไร
"งั้นข้าจะไปเอาไวท์จากในคอกมาให้ ท่านโปรดรอสักครู่นะขอรับ"
ฮัมมิ่งที่วิ่งไปพูดไปหายไปจากตัวอาคาร
ถึงจะดูเฟอะฟะและซุ่มซ่ามไปบ้าง ฮัมมิ่งก็เป็นคนกระตือรือร้นคนหนึ่ง
คาเลียมีหลายอย่างต้องทำซึ่งลืมไม่ได้เด็ดขาด ถ้าเธอลืมขึ้นมาก็คงจะดูไม่ดี
ต้องขอบคุณฮัมมิ่ง ผู้รับใช้ที่ดีของเธอ
คาเลียมีความไร้เดียงสาแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในวัยเด็ก เมื่อเธอผิวปากขึ้น รอบตัวเธอก็ดูสดใสขึ้นทันที
ฮัมมิ่งยิ้มแล้วมองไปยังต้นเสียง เขากลับมาพร้อมกับม้าสีขาวของคาเลีย
ฮี่--
ม้าสีขาวตัวใหญ่ที่จักรพรรดิมอบให้ยืนอย่างเชื่อฟังตรงหน้าคาเลีย
มันใช้ดวงตาสีดำมองคาเลีย หายใจออกด้วยความตื่นเต้น
คาเลียขึ้นขี่บนหลังม้า และคิดว่าเจ้าไวท์น่ารัก
"อ่า"
......จริงสิ
เธอถอนหายใจ คืนบังเหียนให้ฮัมมิ่งแล้วพูด
"ขอโทษทีนะ พาไวท์กลับไปแล้วเอารถม้าออกมาดีกว่า"
"อะไรนะขอรับ? รถม้า?"
คาเลียไม่ค่อยใช้รถม้าสักเท่าไหร่
ไม่สิ อันที่จริงเธอไม่เคยนั่งรถม้าเลย
ฮัมมิ่งจึงเข้าใจว่าตัวเองฟังผิดไป คาเลียพยักหน้าเป็นการยืนยัน
"อืม รถม้า ข้าขอรถม้า"
"อา..ขอรับๆ"
ฮัมมิ่งสงสัยแต่ก็ไปเอารถม้าออกมา
เมื่อเห็นฮัมมิ่งเดินออกไป คาเลียถอนหายใจเหนื่อยอ่อนแล้วลูบท้องเบาๆ
เธอเกือบจะขี่ม้าโดยไม่คิดแล้ว
ไม่ว่าจะโง่งมแค่ไหน เธอที่กำลังจะมีลูกก็รู้ว่าวิ่งหรือขี่ม้าขณะตั้งครรภ์เป็นเรื่องอันตราย
แม้ว่าจะขี่ม้าได้ดีก็ตาม
'ข้าควรระวังตัวมากกว่านี้ในอนาคต ต้องไม่ทำตัวปกติแบบนี้'
เธอไม่อยากทำอันตรายกับลูกในท้องของเธอ
คาเลียกำหมัดแน่น ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว
ไม่นานจากนั้นเธอก็ขึ้นไปบนรถม้าที่ฮัมมิ่งจัดมาให้
"ถ้าท่านจะไปกับรถม้า ข้าขอเป็นคนขับได้มั้ยขอรับ?"
ฮัมมิ่งถามผ่านหน้าต่างเล็กๆ คาเลียตอบด้วยการพยักหน้าให้
ฮัมมิ่งเห็นดังนั้นจึงรีบขึ้นไปยังที่นั่งด้วยท่าทางดีใจ
รถม้ามุ่งสู่พระราชวังในทันที ข้างในมีคาเลียที่กำลังนั่งอยู่ในรถม้าขบคิดคำพูดที่จะพูดกับองค์รัชทายาท
"ถึงแล้วขอรับท่านเสนาบดี"
ประตูขนาดใหญ่เปิดขึ้น รถม้าของคาเลียเคลื่อนเข้าไปข้างใน
ที่ทำการขององค์รัชทายาทอยู่บนชั้นสองของวังปีกตะวันตก และวังปีกตะวันตกก็เข้าได้ผ่านทางเชื่อมอาคารและสวนดอกไม้ถัดจากวังหลักเท่านั้น
ฮัมมิ่งส่งคาเลียแล้วตรงไปยังอาคารเก็บรถม้า
คาเลียที่ดูแลความปลอดภัยขององค์รัชทายาทมาตั้งแต่เด็กค่อนข้างสนิทกับเขา
เส้นทางไปยังวังที่แยกตัวออกมาจึงเป็นที่คุ้นชินสำหรับเธอ
เธอผ่านวังหลักและเข้ามายังทางเดินเชื่อมไปวังปีกตะวันตก
อีกด้านของทางเดินเชื่อม มีเสียงดังกระหึ่มจากเหล่าภรรยาในชุดสีสันต์สดใส ประดับดาไปด้วยเครื่องเพชร พร้อมหน้ากับลูกๆ ขุนนางทั้งหลาย
"ตายจริง เฮเลน่า สร้อยคอเหมาะกับท่านได้เลิศเลอมาก ทำไมไม่เลือกสร้อยข้อมือที่เข้ากันอีกสักชิ้นล่ะคะ?"
"มีตราประทับเวทของดยุกสลักเอาไว้ด้วย ของขวัญชิ้นนี้ล้ำค่าขนาดไหนนะ"
"นั่นสิ! เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เห็นตราเวทของไซม่อนใกล้ๆ! ข้าได้ยินมาว่ามันมีค่าอันละหลายร้อยดอลลาร์เลยใช่มั้ยคะ?"
"คิดดูสิว่าจะน่าอิจฉาแค่ไหนถ้าได้รับของขวัญที่มีตราของไซม่อนจากมาดามเฮเลน่า"
"แค่ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ น่ะจ่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร"
ทันใดนั้นเสียงผู้หญิงที่ดังรอบเจ้าของผมดำหน้าตางดงามก็ต้องหยุดลง เมื่อคาเลียมายืนอยู่ตรงหน้า
ตอนนั้นเอง เธอเดินไปด้วยสีหน้าเมินเฉยท่ามกลางความเงียบ
เธอไม่เห็นเลยว่ามีใครอยู่ตรงหน้าบ้างเพราะเอาแต่นึกคำที่จะพูดกับองค์รัชทายาท
ในตอนที่เธอเกือบจะเดินผ่านไปโดยไร้ซึ่งการทักทายพอเป็นพิธีนั้น
เสียงนุ่มก็เอ่ยชื่อของเธอขึ้นมา
"คาเลีย"
'โอ้ตายล่ะ'
มีความงุนงงในแววตาของคาเลียครู่หนึ่ง เป็นช่วงเวลาสั้นๆ จนไม่มีสังเกตเห็น
"เมื่อไหร่ข้าจะได้ยินคำทักทายสักทีนะ เจ้าเอาแต่ยุ่งอยู่แบบนี้ น่าน้อยใจจริงๆ"
"ขออภัย ข้ากำลังคิดเพลินจนไม่ทันเห็นมาดามเฮเลน่า เป็นยังไงบ้างคะ?"
เฮเลน่าที่ย่นคิ้วเหมือนเสียใจกับคำขอโทษผิวเผินนั้น ทำหน้าผ่อนคลาย
"จากที่เจ้าเห็นก็สบายดี ถ้าสงสัยจริงๆ ก็มาเยี่ยมข้าสิ ไม่เห็นเจ้ามาตั้งหลายวัน ไปมีแผลตรงไหนอีกรึปล่าว? คุกกี้ที่ข้าส่งไปครั้งก่อนอร่อยมั้ย?"
เธอกุมมือของคาเลียเบาๆ
"อืม ช่วงนี้เจ้าดูผอมลงนะ"
ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความห่วงใยเหมือนคนเป็นแม่
สัมผัสที่แก้มอ่อนโยนและอบอุ่นแต่ก็เย็นเฉียบในเวลาเดียวกัน
คาเลียมองไปยังหญิงหน้าตาสะสวยผู้กำลังจ้องมาด้วยความกังวล
'มาดามเฮเลน่า'
หญิงงามหมดจดที่ไม่อาจคาดเดาอายุได้
นัยน์ตาสีเขียวหม่นของเธอบ่งบอกสายเลือดลูกครึ่งเอลฟ์
แม้จะด้วยวัย 50 เธอก็เป็นหญิงลึกลับผู้มีความงามของสาววัย 20 เธอถูกยกย่องว่าเป็นราชินีแห่งสังคมชนชั้นสูง
และเป็นแม่ของไซม่อน
เธอคือเจ้าของบ้านดยุกที่เธอเติบโตที่นั่น และเป็นผู้หญิงที่จะกลายเป็นคุณย่าของเด็กในท้องคาเลีย
"เชฟคารินมีเนื้อกวางชั้นดีครั้งนี้ มาหาข้าสิคาเลีย ข้าจะทำอาหารให้กับที่เจ้าปกป้องเจ้าชาย ประเทศ และปกป้องไซม่อนของเรา"
มิซซิสโฮเบิร์ตที่ชื่นชมในความความรักใคร่ของมาดามเฮเลน่าพูดขึ้น
"ท่านช่างเป็นคนดีจริงๆ มาดามเฮเลน่า! ท่านเสนาบดีคาเลีย ข้าได้ยินมาว่ามาดามเฮเลน่าก็เหมือนแม่ของท่าน"
"แน่นอน ท่านเสนาบดีคาเลียเป็นความภูมิใจของไซม่อน เธองดงามแต่ก็เติบโตเสมือนพี่น้องของไซม่อน....."
"ดังมากเลยล่ะค่ะ เรื่องราวของความสัมพันธ์ระหว่างมาดาม ไซม่อน แล้วก็เสนาบดีคาเลีย"
"โอ้ งั้นข้าคงพูดมากไปแล้ว รู้กันขนาดนั้นเลยเหรอจ๊ะ"
เฮลาน่ากัดปากเหมือนรู้สึกละอายแล้วยิ้มกลบเกลื่อน
คาเลียมองเฮเลน่าเงียบ
'อืม ข้าก็ภูมิใจในตัวดยุก'
เป็นเรื่องจริงที่เธอเติบโตพร้อมกับดยุก แต่เธอไม่ได้โตมาฉันท์ 'พี่น้อง' อย่างที่เฮเลน่าบอก
เธอได้นอนในห้องสุดท้ายที่มีแสงส่องเพียงน้อยนิด และใช้โรงอาหารเดียวกับข้ารับใช้
โดยเฉพาะช่วงหยุดภาคเรียน เธอต้องขออนุญาตเฮเลน่าก่อนที่จะเจอไซม่อน
ลูกขุนนางบ้านไหนกันที่ต้องขออนุญาตแม่ตัวเองเพื่อเจอพี่น้อง?
ตอนนั้น มีสักครั้งมั้ยนะที่คาเลียเคยถูกนับรวมอยู่ในคำว่า 'พวกเรา' ของเฮเลน่า
'.....อืม ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญของฉัน'
มีเรื่องแต่งมากมายเกี่ยวกับเด็กสาวในสลัมที่ถูกชุบเลี้ยงโดยครอบครัวดยุกแค่เพียงเพราะช่วยเหลือหนึ่งในชีวิตพวกเขาครั้งหนึ่ง
เธอไม่ใช่นางเอกในนิยายรักเหล่านั้น และมันจะไม่เกิดขึ้น....
ถ้าเป็นงั้นจริง คาเลียคงจะเป็นลูกคนที่ห้าของจักรพรรดิ แล้วก็เป็นลูกสาวคนที่สามของเขา เธอช่วยชีวิตเจ้าชายมาห้าครั้งแล้ว
แต่จะเป็นลูกของเขาเพื่ออะไรล่ะ?
คาเลียคิดอย่างไม่แยแส
เฮเลน่ามักจะดูอ่อนโยนเกินความเป็นจริงเมื่ออยู่ในแวดวงคนหมู่มาก
เล่ห์กลเล็กๆ ของหญิงที่อยากให้ตัวเองดูงดงาม
ยังไงก็เถอะ เพราะการสนับสนุนของดยุกทำให้เธอมายืนได้ในจุดนี้
คาเลียยกริมฝีปากเพื่อยิ้มขึ้น พูดขณะจับมือเฮเลน่าที่อยู่บนแก้มของเธอเบาๆ
"ขอบคุณในความห่วงใยของท่าน ไว้ข้ามีเวลาจะไปหา"
"สัญญานะ ต้องมาให้ได้ อ่า ขอโทษนะแต่ข้าไปคุยกับจักรพรรดินีมิเชลสายแล้ว เธอไม่ปล่อยข้าเลยเพราะอยากถามเรื่องไซม่อน ถ้าเจ้าไม่ว่าอะไร...."
เฮเลน่ามองคาเลีย
เธอไม่รู้ว่าเฮเลน่ามองอะไรในตาของเธอ แต่คาเลียก็ตอบด้วยรอยยิ้มไม่เปลี่ยนแปลง
"ตามสบายค่ะ"
คำตอบของเธอทำให้เฮเลน่าพอใจเป็นอย่างมาก เฮเลน่ายิ้มเหยียด
"แน่นอนจ่ะ งั้นข้าขอตัวก่อนนะ"
เฮเลน่าเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
".......!"
ตอนนั้นเอง คาเลียปวดหัวขึ้นมาจนต้องขมวดคิ้ว
เธอไม่ได้ยินเสียงพูดที่ดังกระหึ่มเลย เหมือนมีเสียงลมหรือเสียงคลื่นบางอย่างดังกลบไว้ การได้ยินของเธอถูกขัดด้วยอะไรบางอย่างและหายไปในเวลาไม่นาน
เธอขมวดคิ้วหันและเอามือปิดหูอย่างแรงแล้วหันหลังกลับไปโดยสัญชาตญาณ
ท่ามกลางผู้ติดตามที่ส่งเสียงชื่นชม ร่างของเฮเลน่าก็ได้หายลับไป
ห้องโถงว่างเปล่าตกอยู่ในความเงียบงันอย่างประหลาด
อยากบ่นหน่อย แปลยากมากกกกกก สองฉบับไม่เหมือนกันเลย โดยเฉพาะพาร์ทเฮเลน่า คำนางมันแอบร้ายๆ ละแบบ เชี่ย อันนึงยังกะแม่มด แต่อีกอันก็ไม่ไม่ขนาดนั้น สรุปมันยังไงกันแน่555555 เราผสมกันสองฉบับเลยนะ ใครที่อ่านอิ้งมาแล้ว
จะขึ้นตอนที่ 4 แล้วเย่ๆๆๆ ยิ่งเม้นยิ่งอัพเร็วบอกเลย อะดรีนาลีนพรั่งพรู วู้วๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น