ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเจ้า chapter 4



เสื้อผ้าหลากสีพลิ้วไหวเหมือนกลีบดอกไม้

เหล่าสุภาพสตรีต่างอยู่ในชุดลูกไม้ราวกับต้องการให้ตัวเองน่ามองที่สุด

ถึงอย่างนั้น เครื่องประดับต่างๆ ก็ดูพร้อมใจกันว่าจะไม่งดงามไปกว่าเฮเลน่า ผู้ซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางคนมากมาย

เฮเลน่า เทอร์รอน ภรรยาของดยุกเทอร์รอนคนก่อนที่จากไปด้วยโรคร้าย

เธอเป็นญาติห่างๆ ของราชวงศ์ ลูกชายของเธอ ดยุกเทอร์รอนคนปัจจุบัน เป็นจอมเวทที่ทรงพลังพอจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์และยังเป็นรัฐมนตรีหนุ่มของกระทรวงเวทมนต์อีกด้วย

หากไม่นึกถึงเรื่องเหล่านี้ เธอเป็นหญิงวัยกลางคนผู้รักษาความงามของสาววัย 20 แม้จะมีอายุห้าสิบปีแล้วก็ตาม และเธอมีเสน่ห์ดึงดูดทุกผู้ทุกคน

เธอมักจะโอบเอื้อกับคนอื่นๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและน้ำเสียงนุ่มลึกสง่างาม แต่ก็เป็นที่รู้ดีว่าใครๆ ต่างเกรงกลัวเธอ

ขนาดเจ้าชายคาลเวิร์ท ผู้ที่อยู่ในสังคมชนชั้นสูง ก็ต้องปฏิบัติตัวต่อเธออย่างว่าง่าย

เมื่อเธอหัวเราะชอบใจ ทั้งวงสังคมก็จะหัวเราะชอบใจ เมื่อเธอร้องไห้เสียใจ ทั้งหมดก็จะหลั่งน้ำตาเช่นกัน

เมื่อเธอนิ่งงัน ทุกๆ คนก็หยุดชะงักไร้ซึ่งคำพูด แล้วจดจ่อที่เธอ

เช่นเดียวกับตอนนี้

"ลืมอะไรเหรอคะมาดาม? ข้างหลังไม่มีอะไรแล้วนี่คะ"

เฮเลน่าที่หยุดเดินกลางคัน ผันมองไปยังวังปีกตะวันตก

หลังเดินมาสักพัก วังปีกตะวันตกก็ดูไกลออกไป แต่เหล่าท่านผู้หญิงก็พากันมองน้อยมองใหญ่

ขณะเธอมองเงียบๆ ไปที่บางแห่งบนชั้นสองของวังปีกตะวันตก เธอก็หันกลับไปด้วยใบหน้าเย็นๆ พร้อมกับรอยยิ้มเหยียด

"ข้าไม่ได้ลืมอะไรข้างหลังหรอก แค่ไม่ได้ไปวังปีกตะวันตกบ้างเลยน่ะ"

"ท่านไม่ได้ไปบ้างเลยงั้นเหรอ? โอ้ งั้นอยากไปตอนนี้เลยมั้ยคะ?"

"ไม่เป็นไรจ่ะ.... ดูเหมือนเจ้าจะซ่อนบางอย่างไว้อย่างเห็นได้ชัดเลยนะคาเลีย" ****

ด้วยคำพูดอันลึกลับของเฮเลน่า ผู้คนจึงเอาแต่มองหน้ากันแล้วเกาหัวด้วยความงุนงง แต่ก็ไม่มีใครถามเธอตรงๆ ว่ากำลังพูดถึงอะไร

เฮเลน่าเคลื่อนตัวและย่างก้าวต่อไป เธอผ่านประตูวังหลักพร้อมด้วยคณะผู้ติดตาม

ในตอนนั้นเอง หน้าต่างบานหนึ่งบนชั้นสองของปราสาทก็เปิดขึ้น และเธอก็เห็นหน้าต่างบานนั้น


--------------------------------------------------



หน้าต่างของระเบียงกว้างเปิดรับลมที่โชยมาทำให้ผ้าม่านโบกสะบัด

นอกจากผ้าชีฟองที่เคลื่อนไหวไปมาแล้ว กองเอกสารนับร้อยบนโต๊ะก็กระจัดจระจายไปบนอากาศ

ผมสีทองเข้มของเจ้าชายหลุยส์มอนด์ผู้กำลังนั่งจัดเอกสารก็พลิ้วไหวไปเช่นกัน

ลำแสงที่ลอดมาคลอเคลียกับเส้นผมของเขาราวกับมีน้ำผึ้งและเหล้ารัมกำลังไหลอยู่อย่างทอประกายแวววาว

เจ้าค์ชายรัชทายาทใช้มือหนาปัดผมกลับให้เข้าที่ก่อนเงยหน้าแล้วถอนหายใจออกมา

"เห้อ"

เขามองลูกพี่ลูกน้องของเขาด้วยนัยน์ตาสีน้ำเงินล้ำลึก คนที่หันหลังให้และวางมือไว้ที่ระเบียงดูคล้ายกับทะเลที่ปะทะกับผืนแผ่นดิน

เมื่อเขาหันหน้ากลับมา ผมของเขาก็ส่องแสงเหมือนเพชรสีเงินต้องแสงอาทิตย์

ไหล่กว้างและหุ่นได้รูปไร้ที่ติอย่างน่ากลัว

"ไซม่อน.... ทำไมอยู่ๆ เจ้าถึงเปิดหน้าต่าง? คืนกระดาษที่ปลิวไปมาให้ข้าด้วย"

เขาหันตัวกลับ ยกมือขึ้นมาโดยไม่พูดอะไร

เพียงแค่นั้น กระดาษที่บินว่อนไปมาในอากาศก็หยุดลง

เขาขยับนิ้วเบาๆ กระดาษเหล่านั้นก็กลับไปอยู่ที่จุดเดิมของมัน ราวกับย้อนเวลากลับไป

'หมอนี่ใช้เวทมนต์กับเรื่องเล็กน้อยเนี่ยนะ'

ไม่ยุติธรรมเอาซะเลยที่เขามีความสามารถและพรสวรรค์ควบคุมทุกอย่างได้อย่างใจนึก

ตัวเขาที่เป็นถึงลูกชายของจักรพรรดิยังรู้สึกข้นแค้นขึ้นมาในบางครั้ง แล้วนักเวทย์คนอื่นๆ ล่ะ พวกเขาจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีมีน้ำยาขนาดไหน

'.....ไม่ได้ มันคงน่าขันหากข้ามัวแต่คิดริษยา'

รัฐมนตรีนิสัยไม่ดีคนนี้ถึงได้เป็นที่เคารพยกย่อง

หลุยส์มอนด์คิดทบทวนอย่างขมขื่นแล้วหันกลับไปที่เอกสารนับร้อยที่แสนน่าเบื่อ

"คุณป้าไปแล้วเหรอ?"

"หืม? อ่า"

"แล้วทำไมเจ้าไม่ไปล่ะ?"

"....."

ไร้ซึ่งคำตอบ ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าชายรัชทายาทมองข้ามระเบียงด้วยสายตาเรียบๆ ไม่ปริปากอะไร

ไม่มีคำพูด ไม่มีท่าทางใดๆ แสดงออกมา แต่หลุยส์มอนด์ที่อยู่ด้วยกันมานานก็รับรู้ได้ว่าเขากำลังตื่นเต้น แม้จะมองจากข้างหลัง

มีแค่สิ่งเดียวเท่านั้น สำหรับคนที่เย็นชาและวางเฉยอย่างเขา

จริงๆ เลย

หลุยส์มอนด์จรดลายเซ็นบนกระดาษด้วยปากกาหมึกซึมด้ามยาว แล้วพูดชื่อหนึ่งออกมา

"คาเลียมาเหรอ?"

ไซม่อนหันข้างเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อนั้น

ริมฝีปากของเขายกขึ้นแล้วพึมพำคำชื่นชม

"ข้าดีใจที่จักรพรรดิในอนาคตของจักรวรรดิมีไหวพริบเช่นนี้ แน่นอนว่าทรราชย์ที่ถูกเลี้ยงขึ้นมาเหมือนทาส มักจะทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเหมือนหมูหมาเสมอ"

ไซม่อนพูด

'..........เมื่อข้าได้เป็นจักรพรรดิแล้ว คงต้องหาอะไรมาอุดปากรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนต์ซะหน่อย คงจะดีทีเดียวถ้าเวทย์ทั่วไปไปถึงจุดที่ร่ายได้โดยไม่ต้องสะกด แบบว่า นายคงไม่จำเป็นต้องมีปากหรอกมั้งใช่มั้ย?'

หลุยส์มอนด์คิด

'ไม่ได้สิ เวทย์อัญเชิญต้องมีผู้ส่งสาส์นเหมือนกัน ข้าควรจะระวังปากไว้ แต่ก็นะ หวังว่าสักวันข้าจะตบหัวเจ้านี่สักครั้งก็คงจะดี......'

ความคิดละเอียดลออในความหวังเล็กๆ ที่ไม่เหมาะเท่าไหร่ แต่เขาก็อยากจะเติมเต็มมันในอนาคต

"จะมาถึงเมื่อไหร่?"

เขาก็พูดขึ้นมาขณะจดจ่ออยู่บนหน้ากระดาษ

เจ้าชายรัชทายาทที่ทุกข์ทรมาณจากภาระงานสามารถทำสามอย่างพร้อมกันได้

"เดี๋ยวนี้"

"ห๊ะ? เดี๋ยวนี้?"

ในตอนนั้นเอง ความคิดของเขา มือของเขา และลิ้นของเขา หงุดชะงักไปทั้งสามอย่างพร้อมกัน

หลุยส์มอนด์เงยหน้าขึ้นมาทันที เขาพูดขึ้นเหมือนเป็นเรื่องประหลาด

"ข้าคิดว่าวันนี้เป็นวันหยุดของอัศวินซะอีก....แปลกจริง ทำไมอยู่ๆ เธอก็มาล่ะ?"

"ก็นะ"

ไซม่อนยักไหล่พึมพำขึ้นขณะมองขายาวที่กำลังเดินอยู่ตามแนวระเบียงยาว

"ข้ามาหาเจ้า......" *********

เสียงของเขาค่อยๆ แผ่วเบาลง มุมปากยกยิ้ม

"เจ้าต้องมาหาข้าแน่ๆ"

หลุยส์มอนด์จิ๊ปากเมื่อได้ยินน้ำเสียงอันมั่นใจของไซม่อน

ไม่รู้ว่าเขาแน่ใจมาจากที่ไหน

ปกติแล้วไซม่อนค่อนข้างมั่นใจในตัวเองเมื่อเป็นเรื่องคาเลีย

เธอเป็นพวกรู้แค่เรื่องดาบ เธออยู่ในกองหน้าในสงคราม 7 ปีก่อนโดยที่ไม่มองผู้ใด และข้างๆ ของเธอก็มีกระจกที่มองไม่เห็นที่เรียกว่าไซม่อน นั่นทำให้เป็นเรื่องยากมากที่จะเข้าถึงตัวเธอ

แม่แต่เจ้าชายรัชทายาทอย่างหลุยส์มอนด์

ในแง่มุมนั้น เขาก็เข้าใจความใจแคบนั่นได้เลยเมื่อผู้ชายที่เหลืออยู่ข้างคาเลียมีแค่ตัวของไซม่อนเอง แต่ความมั่นใจที่ไซม่อนมีนั้นดูต่างออกไปเล็กน้อยในวันนี้

คาเลียทำตัวเหมือนมีความรู้สึกบางอย่างกับเขาอย่างผิดแผกไป

'น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นเมื่อสองเดือนมานี้.....?'

พูดให้ชัดก็คือ หลังงานเลี้ยงชัยชนะของคาเลียที่กลับจากการรบที่ทาฮาริประมาณสองเดือนที่แล้ว

มีหลายวันตั้งแต่ตอนนั้นที่ไซม่อนอารมณ์เสียแปลกๆ เขาขมวดคิ้วมองขึ้นฟ้า หรือกระทั่งหลับตาครุ่นคิดถึงบางอย่าง

แล้วพอเห็นคาเลียก็หงุดหงิดขึ้นมาดื้อๆ

ในทางตรงข้ามกัน คาเลียกลับเป็นแบบเดิมอยู่สองเดือน

ไม่สิ อันที่จริง คาเลียทำกับไซม่อนมาเป็นทศวรรษแล้ว เรื่องวางท่าเป็นก้อนหินนั่นน่ะ

เขาไม่เข้าใจสักทีว่าทำไมรัฐมนตรีหนุ่มผู้ยิ่งใหญ่ถึงดูมั่นใจมากวันนี้

"......อืม ข้ามีงานต้องทำเหมือนฝ่าบาท ขอตัวก่อนนะ"

ไซม่อนพูดเหมือนเป็นเรื่องโชคร้าย แต่ดูเหมือนไม่ได้เสียใจสักนิดเมื่อฟังจากน้ำเสียงของเขา

ยังไงก็เถอะ เขามาที่นี่เพราะรู้ว่าจะได้เห็นหน้าเธอ

"จริงๆ ข้าจะมาพบท่านมื้อค่ำพรุ่งนี้เพราะติดธุระ แต่ไม่เป็นไร"

"ช่วยออกจากห้องข้าแบบไม่พูดอะไรเถอะ เดี๋ยวข้ามีนัด"

"ข้ากำลังจะไปพอดี"

"ข้าไม่ได้จะไล่เจ้าออกไปนะ"

"ข้าไม่อยากยุ่งกับธุระของท่านหรอก ข้าไปล่ะ"

เมื่อพูดจบ ไซม่อนก็กระวนกระวายกับประกาศการมาถึงและการขอเข้าเฝ้าของคาเลียจากองครักษ์

"เจ้าบอกจะไปแล้วทำไมถึงอยู่ที่ราวระเบียงล่ะ"

"หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าที่สะเทือนอารมณ์ไง"

"ข้าถึงต้องออกทางหน้าต่าง"

"ไม่อยากเจอแบบนี้ ข้าอยากรอแล้วพบเธอตามลำพัง อ่า... เล่าให้ข้าฟังทีหลังด้วยนะว่าท่านพูดอะไรกัน"

ด้วยการกระทำอุกอาจของไซม่อน หลุยส์มอนด์ทำได้เพียงส่ายหัวเหนื่อยหน่าย

"เจ้าคิดว่าข้าเป็นเจ้าชายเล่นๆ งั้นเหรอ"

"ปล่าวเลย ญาติที่รักของข้า ท่านเป็นฝ่าบาทที่ข้าชื่นชม"

ไซม่อนที่ยืนบนราวระเบียงเริ่มเน้นย้ำคำประจบประแจงเมื่อได้เห็นใบหน้าที่ไม่ชอบใจจากหลุยส์มอนด์

"ด้วยความรักและเคารพอย่างที่สุด ข้า ไซม่อน ขอตัวก่อนล่ะนะฝ่าบาท"

หลุยส์มอนด์ผู้ชนะในการสู้รบกับพี่ชายจนได้ตำแหน่งเจ้าชายรัชทายาท

ผู้สนับสนุนที่ใหญ่ที่สุดในชัยชนะของเขาคือดยุกเทอร์รอน ไซม่อน และผู้บังคับบัญชาการใหญ่ คาเลีย

ทั้งสามอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก พวกเขาแต่งแต้มอนาคตของจักรวรรดิ

หลุยส์มอนด์ลุกจากที่นั่ง พุ่งไปที่ระเบียงแล้วมองไซม่อนที่เดินทอดน่องไปตามสวนดอกไม้

ชายผมสีเงินนวลเหมือนผิวน้ำนิ่งของทะเลสาบ

สีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของผู้ที่บรรลุแล้วเท่านั้น

หลุยส์มอนด์ต้องการไซม่อน

จักรวรรดิที่เขาวาดไว้จะต้องแข็งแกร่ง

คาเลียจึงจำเป็นด้วยเช่นกัน

ถ้าหลุยส์มอนด์จะต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อจักรวรรดิ ลูกพี่ลูกน้องของเขาคง....

"ฝ่าบาท ท่านเสนาบดีคาเลียมาถึงแล้ว"

'ข้าขอเดิมพันที่คาเลีย'

หลุยส์มอนด์ที่มองอยู่จากข้างๆ ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากตระหนักเรื่องนี้เอาไว้

เขาหันตัวมองคนที่ยืนเบื้องหน้าประตูที่ปิดไว้

หลังจากนั้น เขาก็ยิ้มด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรอย่างเคย

"เข้ามา"




TBC--------------------------------------------------
อันนี้ต้องอ่าน : จำได้มั้ยในมังงะพระเอกผมสีดำกับสีเงิน(ในต้นฉบับ) เรางงนะตอนแรกนึกว่าคนวาดลงสีผิด สรุปถูกแล้ว คือพระเอกบรรลุก่อนผมเลยเปลี่ยนสี แต่เวอร์ชั่นที่แปลไทยกับแปลอังกฤษอ่ะ มีคนแก้ให้เป็นสีเงินเว้ยยยยยย ไม่เชื่อกลับไปจิ้มลิงค์ที่แปะไว้หน้าข้อมูลเบื้องต้น ไม่ต้องดูก็ได้ไม่บังคับ55

**** "ไม่เป็นไรจ่ะ.... ดูเหมือนเจ้าจะซ่อนบางอย่างไว้อย่างเห็นได้ชัดเลยนะคาเลีย"
คือไม่ได้พูดกะคาเลียนะ ตอบลูกสมุนแล้วพูดคนเดียวตามฉบับนางร้าย55555 ขอให้ทุกคนนึกหน้าไอซ์ หรือหน้าใครก็ได้ในละครหลังข่าว บอกตรงๆนะเราอ่านพาร์ทนางก็กลัวนางนิดๆ แต่อีกใจนึงก็ขำ นางเหมือน queenbee อ่ะ ไปไหนก็มีผึ้งตามดังหึ่งๆๆๆ ลูกสมุนเยอะเกิ๊น

**** "ข้ามาหาเจ้า......"
งงมากจร้าาาา พระเอกพูดคนเดียว? น่าจะใช่นะ แบบส่งไปถึงนางเอกว่าข้ามาหาเจ้า5555 งั้นพระเอกก็เมินเจ้าชายเลยสิ น่าสงสารจัง อยู่ด้วยกันแล้วยังคิดถึงคนอื่น


หึหึๆๆๆๆๆ คู่เจ้าชายกับพระเอกนี่ยังไงกันนะ เราว่าฮีดูมีเรื่องอะไรในใจอ่ะ


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเจ้า chapter 6 [xx%]

'ได้ไง?' คาเลียคิดอย่างล่องลอย มองผ่านหน้าต่างไปยังร่างของไซม่อน 'ลูกของไซม่อนในท้องของข้า' เอาแบบจริงจังนะ มันเกิดขึ้นได้ไง? วันนั้น? '.....เมาเหรอ?' ไม่ ไม่ใช่เพราะแอลกอฮอล์เลย มีวันอื่นอีกตั้งหลายวันที่เราทั้งคู่ดื่มด้วยกัน.... 'ถ้างั้น เพราะหนังสือของเดเร็ค?' พอคิดดังนั้น เธอยิ้มขำแล้วส่ายหัวเบาๆ เธอเป็นยอดนักดาบ แต่กลับไปโทษหนังสือธรรมดาๆ ข้ออ้างโง่เง่าซะจริง ไม่ใช่เพราะแอลกอฮอล์หรือหนังสือหรอก มันอยู่ที่ตัวของเธอเอง คาเลียในวันนั้น "....ข้าจะโทษเจ้าแล้วกันนะ" คาเลียก็ทำหน้าเจื่อนๆ เล็กน้อย เธอถูมือกับหน้าผากแล้วนึกย้อนกลับไป -------------------------------------------------- มันเป็นวันที่มีงานเลี้ยงฉลองชัยชนะ เจ็ดปีที่ผ่านมา จักรวรรดิสู้รบในศึกสงครามเหลือคณานับและได้รับชัยชนะมามากมาย บทบาทของคาเลียในประวัติศาตร์ชัยชนะเป็นที่โอฬาร และเพราะเธอ จักรวรรดิได้เข้าสู่จุดมั่นคง การรบที่ทาฮาริก็เช่นกัน มันเกิดขึ้นเพราะกลุ่มโจรสลัดต่างถิ่นที่โง่เขลาบุกปล้นบนเกาะขอ

ถ้าทำให้พี่ชายของฉันเชื่องมากไปแล้วล่ะก็!

ploysira : แหมๆ ดูจะเป็นแค่หมีสินะ ทรราชย์อะไรกัน555

เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเจ้า chapter 5

"ฝ่าบาท เสนาบดีคาเลียพะยะค่ะ" เสียงขององครักษ์ดังสั่นประตู แม้ว่าเธอไม่ได้กระตุ้นโสตประสาทมาก แต่หูที่ไวของเธอก็รับได้ถึงการเคลื่อนไหวของเจ้าชายรัชทายาท '......ท่านต้องอยู่ตรงนั้นแน่ๆ' เธอได้ยินเสียงเก้าอี้ ไม่นานนักก็มีเสียงคนดิ่งลงไป หลังจากนั้นก็เหลือเพียงความเงียบ ในความนิ่งงันนั้น คาเลียผายอกยกมือทำความเคารพ เธอหายใจเข้าเต็มปอด เธอไม่ได้กังวล แต่วันนี้มันต่างออกไปเมื่อเทียบกับวันอื่นๆ การเกษียณ ถึงที่ผ่านมาจะไม่นานมากแต่เธอก็ได้กลายเป็นอัศวินและต่อสู้เพื่อชีวิตของเธอ กี่ครั้งแล้วที่เธอกระโดดเข้าไปในความอันตรายในฐานะที่เป็นองครักษ์ของเจ้าชายก่อนที่สงครามจะเกิดขึ้น? ตอนนั้นเธอยังเด็กนัก เธอไม่ได้เหนื่อยล้า แต่ถ้าจำเป็นก็จะวางมือ ที่นี่ไม่ต้องมีทหารเช่นเธออีกแล้ว จริงๆ แบบนี้ก็ทำให้คาเลียเบาใจลงมาก เธอถือดาบเพราะมีบางอย่างที่ต้องปกป้อง แต่เลือดที่หลั่งรินเพื่อให้ได้มาซึ่งการนั้นไม่ใช่แค่ของเธอผู้เดียว 'ช่วงเวลาโหดร้ายที่เราต้องห้ำหั่นผู้อื่นในนามของสงคราม น้ำตา เสียงกรีดร้อง และสายตาเคียดแค้น&#